จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 4



 30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 4



 10 คุณไม่จำเป็นต้องยกให้หนักกล้ามก็ใหญ่ได้

หลายอย่างที่ทำให้หลายคนที่ดูกล้ามใหญ่พอๆกัน แต่มีพละกำลังแตกต่างกันอย่างมาก อาจเป็นเพราะสัดส่วนของกล้ามเนื้อกระตุกเร็ว กระตุกช้าที่ต่างกัน หรืออาจเป็นเพราะประสิทธิภาพของเส้นใยประสาทที่ต่างกัน หรือความยาวของอวัยวะที่ต่างกันทำให้เกิดแรงบิดต่างกัน  แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อยากกล้ามใหญ่ คุณต้องยกให้หนัก อย่าไปเปรียบเทียบตัวเองกับบางคนที่ดูกล้ามใหญ่กว่า ถ้าคุณอยากมีพละกำลังมากขึ้นกว่าที่คุณเป็นอยู่ โดยวิธีธรรมชาติคุณก็ต้องเพิ่มแรงตึงให้กับกล้ามเนื้อที่มากพอเท่านั้นมันถึงจะโตได้

11 ยกเวทด้วยสัญชาติญาณสิเจ๋งที่สุด

ถ้านักเพาะกายฝึกตามสัญชาติญาณของตัวเองน่ะนะ พวกเค้าคงเลือกที่จะกลับบ้านไปนั่งจิบเบียร์เย็นๆมากกว่า  ฝึกด้วยสัญชาติญาณ มันเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูเจ๋ง ดูเท่ห์  และมันเหมาะที่จะใช้กับนักเพาะกายที่มีสารกระตุ้นช่วยมากกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับนักเพาะกายสายธรรมชาติ ต้องใช้เวลาในการเพิ่มกล้ามเนื้อนานกว่ามาก ความพยายามในการเพิ่มกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอนั้นจึงสำคัญมาก  ถ้าจะอ้างตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วล่ะก็ มีผลการวิจัยว่าการใช้ระบบที่ให้ตัวนักเพาะกายฝึกโดยการยกหนักช่วงเวลาหนึ่งสลับกับการยกโดยใช้น้ำหนักที่เบาอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน  ผลที่ได้คือ ทั้งน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ รวมถึงมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นจากเดิมหมด ดังนั้นการเล่นเวทสำหรับนักเพาะกายสายธรรมชาติควรมีระบบและความสม่ำเสมอมารองรับตลอดจึงจะได้ผล การใช้แต่สัญชาติญาณจะทำให้คุณไม่พัฒนาเท่าที่ควร

12-- การโหลดคาร์โบไฮเดรตเป็นวิธีชั้นยอดในการเพิ่มพละกำลังให้นักกีฬา

หลักของการเพิ่มคาร์บของนักกีฬาระดับแข่งขันเนี่ย มักจะเริ่มจากการลดลงของคาร์โบไฮเดรตที่สะสมในร่างกายที่เกิดจากการไดเอตหรืออกกำลังกายอย่างหนักของตัวนักกีฬาเอง จากนั้นจึงค่อยเพิ่มคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่สูงกว่าปรกติ มีการศึกษาว่าจริงๆแล้วการเตรียมตัวก่อนแข่งกีฬาด้วยการโหลดคาร์บเนี่ยไม่มีความจำเป็นเลย นักกีฬาหลายๆคนที่ออกกำลังกายประมาณวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมงอย่างสม่ำเสมอ สามารถทานคาร์โบไฮเดรตได้สูงโดยยังคงมีรูปร่างที่ดีมากๆ ส่วนนักกีฬาที่ออกำลังมากกว่า 1 ชั่วโมงเช่นพวกวิ่งระยะไกล ขี่จักรยานทางไกล การเพิ่มคาร์โบไฮเดรตอาจมีประโยชน์ต่อร่างกายบ้าง แต่อย่างไรก็ดีสำหรับพวกกีฬาระดับแข่งขันที่ฝึกโดยเน้นความทนทานของกล้ามเนื้อเป็นหลักพวกนี้ร่างกายจะสามารถใช้พลังงานจากไขมันเป็นหลักได้มากกว่าคาร์โบไฮเดรตอยู่ดี

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 3



30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 3


7  ยิ่งยกนานยิ่งกล้ามโต

มันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องฝึกกล้ามเนื้อส่วนละ 20-30 เซ็ต หรือแม้แต่ส่วนละ 10 เซ็ต เหมือนที่กูรูหลายๆคนทำหรือบอกให้ทำ ความจริงคือมีการวิจัยแล้วว่า เราสามารถทำให้กล้ามเนื้อล้าถึงขีดสุดได้ภายในเซ็ตเดียว และเพื่อให้ไปถึงจุดนั้นได้ เราต้องพยายามให้ร่างกายใช้เส้นใยกล้ามเนื้อให้มากที่สุดมาใช้ในการยกน้ำหนักและทำให้กล้ามเนื้อหดตัวอย่างต่อเนื่องจนมีเลือดมาคั่ง เส้นใยกล้ามเนื้อจะแข็งตัว และการหดตัวของกล้ามเนื้อหลังจากนี้จะทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาด การสร้างกล้ามเนื้อคือการทำให้กล้ามเนื้อปรับตัวเพื่อรับกับแรงกระทำแบบนี้โดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเพาะกายทุกคนต้องการให้มันเกิดขึ้น
ซึ่งความหนักหน่วงของการยกเวทระดับนี้ต้องใช้เทคนิคการดรอปเซ็ต หรือแบ่งเป็นเซ็ตย่อยๆ โดยเมื่อคุณยกจนจบเซ็ตแล้วให้ลดน้ำหนักที่ยกลง แล้วยกต่อทันที จนยกไม่ขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว หรือจนหมดน้ำหนักที่จะยกแล้ว หรืออาจพยายามยกให้ได้จำนวนครั้งสูงที่สุดด้วยการพักให้สั้นที่สุด โดยไม่วางน้ำหนักลง
ถ้าคุณสามารถทำให้กล้ามเนื้อล้าได้ถึงจุดดังกล่าวแล้ว การเพิ่มเซ็ตเข้าไปแทบจะไม่มีผลต่อการสร้างกล้ามเนื้อเพิ่ม แต่ก็มีข้อยกเว้นกับกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่มีหลายๆส่วนแยกกัน เช่นกล้ามเนื้อหลังและอก ที่มีทั้งส่วนบน ส่วนกลางและล่างโดยมีจุดเกาะกล้ามเนื้อที่ต่างกัน 

8 ผู้หญิงต้องยกเวทต่างจากผู้ชาย

เมื่อส่องเส้นใยกล้ามเนื้อของทั้งผู้หญิงและผู้ชายด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วพบว่าทั้งสองเพศระดับเส้นใยกล้ามเนื้อไม่มีความแตกต่างกัน  ผู้ชายกับผู้หญิงอาจจะต่างกันในเรื่องปริมาณของฮอร์โมนเพศชายซึ่งทำให้ปริมาณของกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นต่างกัน  มันจึงไม่มีเหตุผลที่ทั้งสองเพศที่มีเป้าหมายเดียวกันจะต้องฝึกต่างกัน สิ่งที่ต่างกันมักเป็นเรื่องของการเน้นลักษณะทางเพศที่แตกต่างกันไปตามความชอบและความนิยม เช่นผู้หญิงมักจะชอบฝึกกล้ามเนื้อก้น เพื่อจะได้เหมือนก้นนางแบบกางเกงยีนส์ Guess ในขณะที่ผู้ชายก็จะชอบฝึกกล้ามปีก เพื่อจะได้มีรูปร่างเหมือนตัว V

9 เหล่าผู้มีรูปร่างดีที่เราๆเห็น มักเป็นกูรูด้านฟิตเนสและเพาะกาย

แค่เพียงเพราะพวกเขามีแขนโต 20 นิ้ว หรือมีรอบขามากกว่า 30 นิ้ว ไม่ได้แปลว่าพวกเค้าจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเพาะกายนะ  แย่หน่อยที่สังคมส่วนใหญ่มักมีค่านิยมแบบนั้น สิ่งที่แย่กว่าคือ จริงๆแล้ว นักกีฬารูปร่างดีหลายๆคน หรือแม้แต่นักเพาะกายอาชีพบางคน ไม่รู้ว่าวิธีเพิ่มกล้ามเนื้อของตัวเองอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่หลายๆคนเป็นพวกมีกรรมพันธุ์ชั้นเลิศ ที่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ง่าย ยังไม่นับที่ร่างกายตอบสนองต่อการใช้สารกระตุ้นได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต้องต้องนับเป็นกรณียกเว้น และเหล่านักเพาะกายชั้นยอดเหล่านี้ควรเป็นคนสุดท้ายที่เราจะเข้าไปถามหาความรู้ ถ้าคุณอยู่ใน98 เปอร์ของมนุษย์ที่เหลือเหมือนคนทั่วไปน่ะนะ คนที่คุณควรเข้าไปถามหาความรู้เสมือนเป็นกูรูที่แท้จริง ควรจะเป็นคนที่เดินอยู่บนเส้นทางสายเพาะกายมาหลายๆปีด้วยความพยายามและความอุตสาหะ มานะ บากบั่น มากกว่า