จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 1





30 ความเชื่อที่โคตรผิดในการเพาะกาย ตอนที่ 1

1. เราจะโคตรล่ำโคตรใหญ่ได้เหมือนนักเพาะกายอาชีพ โดยไม่ต้องพึ่งสารกระตุ้นใดๆ แค่ต้องใช้เวลานานมากเท่านั้น
ความจริงคือ แม้ว่านิตยสารเพาะกายหลายต่อหลายเล่มจะบอกอยู่ตลอดว่านักเพาะกายอาชีพน่ะ เค้าใช้สารกระตุ้นกันเพียบเลย ทั้งสเตียรอยด์ ทั้งฮอร์โมนต่างๆ หรือรวมๆกันเป็นชุดคอมโบอีกต่างหาก เมื่อไม่ได้ใช้สารกระตุ้นเหล่านั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีระดับของขนาดกล้ามเนื้อขนาดนั้นได้  ไม่มีทางที่ที่จะมีผิวบางเหมือนกระดาษ หรือยังคงเพิ่มกล้ามเนื้อได้แม้ว่าบางช่วงตารางการฝึกและอาหารที่ทานจะห่วยและไม่เป็นไปตามหลักการเพาะกายแค่ไหน  แต่เหล่าผู้ขายอาหารเสริมทั้งหลายก็พยายามใช้พวกโปรเหล่านั้นมาทำให้เราเข้าใจผิด ว่าใช้อาหารเสริมที่พวกเค้าโฆษณาก็จะใหญ่ได้แบบพวกเค้า แถมหลายๆคนก็ยังเข้าใจแบบนั้นกันอยู่
แต่แม้ว่าเราจะเป็นแบบนักเพาะกายอาชีพไม่ได้ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ หากเราบริหารร่างกายตามหลักอย่างสม่ำเสมอ รับประทานสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และพักผ่อนให้เพียงพอ ทุกคนก็สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ จริงอยู่ที่แผนจะเข้าประกวดเพาะกายอาจต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด หรือต้องตัดออกจากเป้าหมาย แต่ ให้ตายสิ คุณจะมีรูปร่างที่โคตรเจ๋งจนหลายๆคนต้องทึ่งแน่นอน และผลที่ได้แถมมาก็คือคุณจะรู้สึกนับถือตัวเอง และสุขภาพดีเยี่ยมอีกต่างหาก

2. ตารางและวิธีการฝึกที่ได้ผลสุดๆกับนักเพาะกายอาชีพ ก็จะได้ผลสุดๆกับเราด้วย
ความจริงคือ ไม่ว่าจะไปที่ยิมไหนๆทุกๆวันคุณมักจะเห็นมือใหม่หลายคน เข้าไปถามไอ้หนุ่มที่กล้ามใหญ่ที่สุดในยิมที่ดูเหมือนหลุดมาจากหนังซุปเปอร์ฮีโร่  ไอ้หนุ่มคนที่อัดยาและสารกระตุ้นจำนวนมหาศาลเพื่อให้กล้ามมีขนาดใหญ่ได้อย่างที่คุณเห็น และคุณก็คิดไปว่า ศึกษาจากเค้า ทำตามเค้า ซักวันคุณก็จะได้อย่างเค้า แต่นักเพาะกายที่เจ๋งที่สุดในยิมคือคนที่สามารถพัฒนากล้ามเนื้อ และเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้มากที่สุดโดยวิธีธรรมชาติตะหากล่ะ เขาอาจไม่ได้มีคอหนาเป็นท่อนซุง แต่เขาสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อเน้นๆได้มากถึง 20 กิโลกรัมจนมีรูปร่างที่ยอดเยี่ยมอย่างที่หลายคนต้องอิจฉา และที่สำคัญที่สุดเขารู้วิธีที่จะทำได้แบบนั้นโดยไม่ได้ใช้ทางลัดแม้แต่น้อย  
ก็อย่างที่รู้ โปรหลายต่อหลายคนใช้เวลาหลายชั่วโมง บริหารกันแทบจะนับจำนวนเซ็ตได้ไม่ถ้วน ซึ่งในหลายครั้งมันมากเกินกว่าที่ความสามารถในการฟื้นตัวของมนุษย์ธรรมดาจะทำได้ ซึ่งหากเราไปฝืนทำตามเหล่าโปรพวกนั้น แทนที่กล้ามมันจะโตขึ้น ไอ้ที่มีอยู่น้อยๆเนี่ยมันจะเล็กลงอีกด้วย อย่างดีก็แค่อาจจะจะโตขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากทำแบบนี้ไปซัก 2 ปีแล้วน่ะนะ

3. นักเพาะกายอาชีพเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงและสุขภาพที่ดี
ความจริงคือ ทางสมาพันธ์ IFBB ซึ่งเป็นสมาพันธ์หลักของการเพาะกายระดับนานาชาติ กำลังพยายามที่จะให้การเพาะกายถูกบรรจุในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งในช่วงการแข่งโอลิมปิก นักกีฬาประเภทอื่นๆจะอยู่ในช่วงที่แข็งแรงที่สุดและสุขภาพดีที่สุดเพื่อที่จะได้ลงแข่ง เพื่อทำลายสถิติต่างๆ ในขณะที่นักกีฬาเพาะกายกลับอ่อนแอที่สุดในวันที่เข้าแข่งขัน บางคนอาจอ่อนแอมากจนอาจมีปัญหาถ้าต้องเจอกับพุดเดิ้ลทอยที่กำลังเกรี้ยวกราด(ล้อเล่นนะครับ) ความอ่อนแอซึ่งเกิดมาจากการไดเอทอย่างยาวนาน การยกเวทที่เกินกว่าที่ร่างกายจะฟื้นตัวได้ทัน การใช้ยาจำนวนมากและยังการรีดน้ำออกจากร่างกายเพื่อความคมชัดของกล้ามเนื้ออีกซึ่งทำให้นักเพาะกายอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุด
และลองคิดถึงอาหารจำนวนมหาศาลที่นักเพาะกายเหล่านี้ทานเข้าไปสิ  แต่ในอีกส่วนหนึ่งของโลกที่มีประเทศที่มีคนอายุยืนเกินร้อยปีมากมายหลายคน พวกเค้ามีวิธีการทานอาหารในปริมาณที่น้อยหรือพอดีกับปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการเท่านั้น  และการรับประทานอาหารที่น้อยลงนี้ก็ทำให้ร่างกายรับสารเคมีจากอาหารน้อยลงด้วย และทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระก่อตัวในร่างกายน้อยลงอีกด้วย คิดดูสินักเพาะกายอาชีพโดยเฉลี่ยจะทานอาหารเป็นปริมาณ4-5เท่าของกลุ่มคนที่อายุยืนที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้  ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ นักเพาะกายมักจะเป็นโรคร้ายที่เกิดจากคลอเลสเตอรอลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง แถมน้ำหนักกล้ามเนื้อที่มากเกินปรกติก็ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักจนอาจหยุดทำงานก่อนเวลาที่ควรดังที่ได้เห็นในข่าวหลายต่อหลายคน
ที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่แสดงว่าทำไมการเพาะกายอาชีพเป็นเรื่องที่ไร้สาระอย่างสุดๆ ทุกอย่างที่นักเพาะกายอาชีพส่วนใหญ่ทำ ก็คือการเติมเต็มความเชื่อที่ผิดๆว่าจะมีเรือนร่างที่สวยงามเหนือใครๆ โดยไม่สนใจรื่องของสุขภาพแม้แต่น้อย เกือบจะทั้งหมดของคนเหล่านี้ทั้งชายและหญิง ไม่ได้สุขภาพดีอย่างที่เห็นจากภายนอก  อย่างไรก็ตามการออกกำลังด้วยการยกน้ำหนักหรือยกเวท และทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์นั้นจะทำให้เรามีสุขภาพดีมากๆแน่นอน ตราบเท่าที่ทุกอย่างที่กล่าวมาไม่สุดโต่งจนเกินไปนะ

***หมายเหตุ:บทความนี้อาจทำให้ผู้อ่านหลายคนไม่พอใจที่ไปกล่าวหาว่าการเพาะกายระดับอาชีพของพวกเค้าเป็นเรื่องไร้สาระ ผมหมายความถึงเพียงแค่นักเพาะกายอาชีพบางคนที่ยอมทำทุกอย่าง อย่างสุดโต่งเพียงเพื่อให้มีรูปร่างเหนือคนอื่น จนทำให้ชีวิตนักเพาะกาย หรือแม้แต่ชีวิตตัวเองจบลงในเวลาอันสั้นเท่านั้น ผมชื่นชมเหล่าผู้ที่ยอมเสียสละหลายอย่างในชีวิตเพื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดในการเพาะกายอาชีพ แต่ไม่อยากให้ผู้ที่ไม่พร้อมจะเสียสละแบบแชมป์เหล่านั้น ทำตามโดยขาดความรู้ มันแย่ที่การประกวดเพาะกายในปัจจุบันสนับสนุนอย่างกลายๆให้อุตสาหกรรมการใช้สารกระตุ้นพัฒนาไปไกล และนักเพาะกายที่เข้าประกวดก็จำเป็นต้องใช้สารกระตุ้นแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีกับร่างกายก็ตาม แต่ความไม่อยากแพ้ และอยากมีรูปร่างดีไวๆ มันมากกว่า เพราะถ้าเทียบกันระหว่างยุคที่ยังไม่มีสารกระตุ้น อย่างยุคของ Larry Scott กับยุคปัจจุบัน ระดับของการพัฒนากล้ามเนื้อ และความคมชัดในวันประกวด มันโคตรต่างกัน เสียดายที่การประกวดแบบที่ยุคก่อนการใช้สารกระตุ้นมันหาได้ยากเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นกีฬาเพาะกายอาชีพ อาจเป็นกีฬาของคนที่มีรูปร่างดีที่สุด และสุขภาพดีที่สุดเท่าที่เคยมีการแข่งขันกีฬากันมา***

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. เห็นด้วยครับ ถ้าสร้างภาระให้กับร่างกายเกินไปร่างกายจะรับภาระไม่ไหว ที่ผมเล่นอยู่ตอนนี้ก็เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นระบบภูมิคุ้นกันในร่างกายทำงานอย่างที่ควรจะเป็นหลังจากที่ปล่อยตัวเองพุงพลุ่ยมากว่า 10ปีหลังจากเล่นไปกว่า4เดือนเห็นเลยว่าร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นมากร่างกายเริ่มใช้กำลังได้ตามวัย โดยผมเล่นสายธรรมชาติเสริมโปรตีน เกลือแร่ วิตามินจากเนื้อสัตว์ไข่ผักผลไม้นม ไม่ได้ใช้อาหารเสริมแม้แต่น้อย และเล่นไม่หนักมากก็ยังเพิ่มกล้ามเนื้อได้น่าพอใจ

    ตอบลบ